วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตอนที่ ๒ ใจพุทธชยันตี

ตอนที่ ๒  ใจพุทธชยันตี 
                ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๒๙ - ๓๐ พฤษภาคม  พ.ศ.๒๕๕๕

                ด้วยความที่งานพุทธชยันตี  ๒๖๐๐ ปี ที่ชาวพุทธทั้งโลกร่วมจัดงานเฉลิมฉลองโดยเน้นหนักไปที่วันวิสาขบูชา  อันเป็นวันสำคัญแห่งการตรัสรู้   วันแห่งการประกาศชัยชนะต่อกิเลสตัณหา  แลมารทุกประเภทในจิตใจ  ชาวไทยทั้งประเทศ  ทุกจังหวัด ที่นับถือพระพุทธศาสนา ได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองด้วยการปฎิบัติธรรมกรรมฐาน  ไหว้พระสวดสาธยายมนต์  ถือศีลภาวนาทำสมาธิกรรมฐาน นุ่งขาวหุ่มขาว

      ที่มลฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร ก็ได้จัดโดยให้วัดในเขตปริมลฑล และต่างจังหวัด  มาร่วมออกงานจัดนิทรรศการณ์  และกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา  เน้นหนักหลักใหญ่ว่า ให้พิจารณานำหลักธรรมของพระพุทธองค์ลงมาสู่จิตใจชาวบ้านภาคปฎิบัติ  ไม่เน้นการเรี่ยไร ชักชวนให้ไขว้เขวจากหลักธรรม  นัยว่า  มีเต๊นซ์ให้วัดจัดงานอยู่  ๔๕  วัด

                อโรคยศาล  วัดคำประมง  สกลนคร  
ก็เป็น ๑ ใน ๔๕  วัดทั่วประเทศที่ได้รับเกียรติให้จัดนิทรรศการณ์นำธรรมะสู่ใจประชาชน ภาคปฎิบัติ  ย่อยธรรมะที่หนักให้มาเป็นเบาๆ 
 แก้เงื่อนปมธรรมะที่ยุ่งยากให้คลายออกง่ายๆ   
                ในฐานะที่ ฤาษีเอก  อมตะ  เป็นจิตวิญญาณอาสา  ที่ไปช่วยงานหลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม บุกเบิกงานที่ อโรคยศาล  สถานดูแล รักษาฟักฟื้น ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งทุกระยะ แบบให้เปล่า นับเวลามาก็นาน ๕ ปีแล้ว จึงได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการจัดงานเริ่มต้นตั้งแต่ช่วยกันระดมหัวคิดที่  ร้านคำหอมกาแฟอร่อยที่สุดในโลก ของคุณประสาท - คุณศิริพร  ตงศิริ  แล้วมาประชุมขัดเกลาความคิดเห็นกันครั้งที่สอง พอความคิดตกผลึกแล้ว  ก็มาประชุมสรุปผลสุดท้ายที่ อโรคยศาล  วัดคำประมง  โดยหลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม  เป็นประธานสงฆ์  ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร  นายจรินทร์  จักกะพาก เป็นประธานฝ่ายฆราวาส 



 

         งานประชุมรื่นไหลได้ผลสรุปที่ดี  มีหลักการว่า 
        
๑.สกลนคร  เมืองธรรมะ  ธรรมชาติ อารยธรรม  วัฒนธรรม  ประเพณี ความเชื่อ
         
๒.พระจริยาวัตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพระอริยสงฆ์ในจังหวัดสกลนคร 
         
๓.อโรคยศาล สถานดูแลฟักฟื้น  รักษาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งด้วยการแพทย์ทางเลือก ธรรมะโอสถบำบัด ดนตรีบำบัด และอื่น ๆ

ท่านจรินทร์  จักกะพาก
ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร

                เมื่อได้สรุปงานเป็นหลักการออกมาแล้ว  คราวนี้ก็ง่ายขึ้นมาก  เมื่อเราประสานเครือข่าย สามหมื่นแปดพันห้าร้อยล้าน ของจิตวิญญาณอาสา ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ  หลายจังหวัด ทั้งหน่วยงานของราชการและเอกชน ตลอดทั้งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสาขาต่าง ๆ  ให้มารับงาน  กระจายงาน  ประสานงาน  แบ่งเบาภาระงาน  ซึ่งต้องขอขอบพระคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร  ที่กรุณาช่วยดูแลทุกอย่างให้ราบรื่นไปได้ด้วยดีทุกประการ

                คุณประสาท ตงศิริ  หรือที่ในเฟสบุ๊คสังคมออนไลด์ใช้ชื่อว่า Odd labour  ได้โทรศัพท์มาชวนไปเที่ยวเกาะใหหลำ หรือ ให่หนาน   บ้านเกิดของก๋งบรรพบุรุษแซ่ตง หรืออื่น ๆ ที่ได้แยกขยายสาขามากมายในเมืองไทย

                โทรศัพท์มาตอนปลายเดือนเมษายน ๒๕๕๕  ฤาษีผู้มีใจไฟปรารถนาร้อนรุ่มรุมเร้าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว  ที่อยากจะไปเห็นบ้านเกิดของบรรพชนต้นตระกูลแซ่ตง  อยากพบเห็นญาติพี่น้อง ทางใหหลำ  อยากเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวใหหนำ  อยากเห็นบ้านเมือง ภูมิประเทศและอื่น ๆ   ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแรงปรารถนาผลักดันกระพือโหมให้ไฟแห่งประกายความหวังเจิดจ้าเรืองรองลุกโชนยิ่งขึ้น  ยิ่งขึ้น และยิ่งขึ้น  จึงตัดสินใจรับคำคุณประสาทไปอย่างไม่ลังเลชักช้าให้เสียเวลา

    แต่ด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวเกิดมาชาตินี้วาสนาน้อยอาภัพอับจนทรัพย์สินเงินทอง เป็นครูน้อยบ้านนอกฐานะไม่ค่อยจะมี  อดมื้อกินมื้อ  จนมีคนสมเพสเวทนาค่อนขอดว่า เป็น  "ตงศิริจนๆ" คนหนึ่ง ก็มาคิดติดใจว่า จะไปหาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง คุณประสาทคงรู้ใจเลยบอกหนทางให้ด้วยความเมตตาสงสารว่า  มีเท่าไหร่ก็เอามาเถอะที่เหลือจะจัดการเอง 

              จึงค่อยๆ เดินย่องไปขอดเงินเหรียญบาทบ้าง ห้าบาทบ้าง เหรียญสิบบ้าง  ธนบัตรใบเก่าๆ จากก้นตะกร้าบนโต๊ะสารพัดประโยชน์ที่บ้านได้มาสองหมื่นบาท พอเป็นค่าเครื่องบิน ที่เหลืออีกเกือบสองหมื่นบาทคุณประสาทบอกว่าให้เป็นรางวัลชีวิต....แด่ครูและฤาษีผู้อาภัพทุกข์ยากหิวโหย ค่อนข้างจะเกรงใจ แต่ถ้าหากมีโปรแกรมแบบนี้อีกเมื่อไหร ก็ให้บอกมาอย่าลังเลชักช้า ยินดีร่วมสนองชะตากรรมแบ่งปัน
ประวัติศาสตร์ร่วมกัน

             กลับมาจากใหหนำครานี้ 
คงมีหนังสือเกิดขึ้นในบรรพพิภพแห่ง
สวนอักษรให้ได้อ่านอีกหลายเล่ม..

      วกกลับมาที่งานพุทธชยันตีบูชาที่ท้องสนามหลวงก่อน ก่อนมากรุงเทพเมืองฟ้าอมร  ได้ติดต่อจองที่นั่งเครื่องบินนกแอร์ (เขาจะไม่ให้ค่าโฆษณาบ้างหรือนี่  !!!)  มาพร้อมกับคุณ จุ้ย  วาดอักษร   หรือ พรภควันต์  อุปพงษ์  พร้อมแผ่นซีดีเพลงดนตรีบำบัด ชุด อโรคยศาล ซึ่งทีมงานกลุ่มศิลปินวาดอักษร คุณผลไม้ หรือ คุณเสรฐวุฒิ วราพุต ผู้เรียบเรียงเสียงประสาน  กับศิลปินเดี่ยววงฤาษีเอกอมตะ ได้ร่วมกันเขียนขึ้นมาจำนวน  ๖  เพลง  ได้แก่ เพลงพุทธชยันตีบูชา  เพลงธรรมะหลวงตา  เพลงแตน  ชินานันท์ เพลงสุดท้ายที่คำประมง  เพลงสัจจธรรม และเพลงจิตวิญญาณอาสา ซึ่งทั้งหมดจำนวนมากกว่าพันแผ่นจะเอามาแจกที่สนามหลวงคราวนี้

             เครื่องนกแอร์บินถลาร่อนออกจากสกลนคร  ชื่อว่าแอร์ แต่ไม่ได้แปลว่าเย็นเสมอไป มาถึงสนามบินดอนเมืองเวลาบ่ายสี่โมงกว่าๆ ดูผู้คนค่อนข้างเบาบางตา ไม่คึกคักเหมือนเคยมี  หลังจากได้กระเป๋าแล้วได้จองรถแท็กซี่  ซึ่งต่อมาเรารู้จักพี่เขาว่าชื่อ พี่ศักดิ์  คนนครสวรรค์  อาชีพเสริมคือ เล่นดนตรีอิเลคโทน คีร์บอร์ดอยู่ที่กรุงธนคาเฟ่มาแปดปี ตอนนี้มาขับแท็กซี่ด้วยอีกอาชีพหนึ่ง 

                  ส่วนดนตรีรับเป็นจ็อบไปแล้วแต่ใครจะสนใจ   คุณศักดิ์เป็นคนอัธยาสัยดี มีบ้านที่ลำลูกกา ภรรยาคนเดียว (ลองมีมากกว่าหนึ่งคนซิ......ตาย) ลูกก็โตแล้ว เลยขอเบอร์ติดต่อไว้  ให้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ    วันที่ 31 พฤษภาคม ๕๕  เวลาเช้ามืดตี ๓

        ใครสนใจใช้บริการแท็กซี่พี่ศักดิ์ติดต่อไปที่ ๐๘ - ๖๕๓๕ - ๐๓๗๑ 
 รับรองไม่ผิดหวัง  อย่าลืมบอกว่าอ่านจากบล็อคนี้หละ

                  รถแท็กซี่พี่ศักดิ์พาเรามาจนถึงหน้าวัดชนะสงคราม  พี่ศักดิ์บอกว่า  เรามีของหนักยกลำบาก  ให้เราลงไปขอตำรวจที่หน้า  สน.ชนะสงครามที่ยืนอยู่  ๒ - ๓ คน ว่าขออนุญาตให้แท็กซี่เข้าไปส่งในซอยจนถึงหน้าโรงแรมได้หรือไม่  ตำรวจก็บอกและชี้มือไปที่ตำรวจจราจรว่า  ให้ไปถามคนนั้น ถ้าเขาให้ก็ได้   ถ้าเขาไม่ให้ก็ไม่ได้ (ฮ่าๆๆ ตำรวจบริการดีมาก)    เราก็เลยต้องเดินไปถามตำรวจจราจรนายนั้นตามที่คนแรกบอกมา      บอกคำถามเดิม จราจรท่านนี้ใจดีอนุญาตให้เข้าไปได้ แค่เพียงเหตุผลที่ว่า ผมมาจัดงานพุทธชยันตีที่สนามหลวง จราจรท่านนี้ควรให้ ๒ ขั้น แต่คนแรก  ควรลดขั้น...



                 รถแท็กซี่พี่ศักดิ์พามุดดงฝรั่งนุ่งกางเกงขาสั้น ไม่ใส่ยกทรง   โชว์เต้าอร้าอร่าม  ขาวบ้างดำแหล่ขี้หลี่บ้าง  ดูแล้วให้ปลงอนิจจังสังขาร        ยุบหนอพองหนอ ไปจนถึงปากซอยเข้าโรงแรม  ขนของลงกองไว้กลางถนน  ฝรั่งแลผู้คนต่างชาติก็เดินขวักไขว่ไปมา พวกขายของสินค้าเสื้อผ้าสารพัด ผัดไท เนื้อย่าง แมลงต่างๆ อี่นางบักหำเชียเบียร์ เมียงูดูโชว์  ต่างก็มุ่งพุ่งสายตาหันมาดูเรา  ว่าพวกฤาษีสองตนนี้มันพากันมาหยังอยู่กลางดงฝรั่งหมากสีดาด่อน  หมากสีดาดำต่างชาติที่นี่ว๊ะ

                กำลังยืนยงว่า ตูจะยกของเข้าไปโรงแรมได้อย่างไง ไอ้แขกมืดมิดตัวดำวัยรุ่นก็เดินมาบอกสำเนียงไทยปนกลิ่นโรตีนมเนยว่า ให้เพื่อนผมคนนี้ (พร้อมกับชี้มือไปหาอีกคน) ยกเข้าไปช่วยก็ได้ จ่าย ๕๐  บาท  โอ้พระเจ้า!!!  มายก้อด!!!  นาร้าย นาราย!!!  ท่านมาโปรดข้าแล้ว จึงตกลงให้ไอ้แขกมืดมายกขนเข้าซอยทะลุเข้าไปถึงเค้าเตอร์โรงแรม ตอนควักเงินให้ไป ๕๐ บาท เหลือบดูกล่องกระดาษบรรจุซีดีเอาไปแจกในงานเป็นพันกว่าแผ่น ดูเหงื่อเต็มหน้า ไอ้พี่แขกมืด  แขกตี้  แขกจะดอย  แล้วน่าสงสารเป็นที่สุด  พระเจ้าส่งมาโปรดฤาษีจริง ๆ 



     เราเข้าพักที่โรงแรมสวัสดีบางกอก  ถนนข้าวสาร แหล่งบันเทิงเริงใจของฝรั่งและชาวต่างชาติต่างภาษา สารพัดชนชาติที่มาหาความสำราญบรรเทิงเริงใจแบบไร้ขีดจำกัดที่โด่งดังไปทั่วโลก  เห็นแล้วก็อดกระแหนะกระแหน๋ไม่ได้ว่า     ถนนข้าวสาร คือ เมืองหลวงของชาวต่างชาติทั่วโลก 

      ราคาห้องพัก ๙๐๐  บาท  เตียงคู่  ห้องอาบน้ำรูหนู  พอใช้งานได้  เช็คอินเก็บเสื้อผ้า  ข้าวของไว้ในห้องเสร็จสรรพ พากันเดินตัดถนนที่มีรถติดมากมายผ่านไปไหว้   พระแม่ธรณีบีบมวยผม  เพื่อเป็นมงคลกับชีวิต เดินหาจนพบเต๊นซ์ของ อโรคยศาล  วัดคำประมง  ดูแล้วสวยงามดีมีไสต์เหมือนกับความคิดของที่ประชุม

                 เรามาในนามชาวสกลนคร      
ต้องไม่ให้เสียชื่อชาวสกลนคร 

         เห็นหลวงตาปพนพัชร์  จิรธัมโม  นั่งคอยกำกับให้คำปรึกษาทีมงาน เลยเข้าไปกราบสนทนากันเรื่องราวหลากหลาย ตามประสา จิตวิญญาณอาสา  ปิดทองหลังพระ  มานาน  ดูคุณหมอพัฒน์กับทีมงานมาจัดของ  อาจารย์สุชีรา เพชรแก้ว อาจารย์จักรกฤษณ์ พานิสิตปริญญาโทของคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย  มาระดมทำภาพภูผายนต์  ดูภาพ  ปิดทองหลังพระ ที่หลานพี่หมูเรียนอยู่ ป.๒ - ป.๓ สร้างผลงานมาประดับทางเข้าเต๊นซ์  ดูด้านหน้า  ด้านหลังมีโลงศพ และ หม้อต้มยาสมุนไพรมะเร็ง  น้ำสมานฉันท์  ยาขมเจ็ดชนิด และที่เด็ดมีคำขวัญ 

  ต้นทุนคือหัวใจ
กำไรคือความสุขประชาชน 

        ถามหลวงตาดูท่านว่า มันแว๊บขึ้นมาก็เลยเอามาเป็นคติเตือนใจในการจัดงานครั้งนี้



         สนทนากับทีมงานหลากหลายท่าน  บางท่านไม่เคยเห็นหน้ากันก็มาเห็นที่นี่  บางท่านเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่รอดตายจากคำพยากรณ์จนถึงปัจจุบันนี้ ๕ - ๖ ปีมาแล้ว ก็มาทักทายช่วยงานกัน  บางคนก็ถามกันเองว่า ไหนว่าจะมีฤาษีมาให้ดูตัว  บางคนที่รู้จักกันก็บอกว่า เดี๋ยวเพิ่นจะมา  บางคนที่รักษาหายแล้วก็มาคารวะ ฤาษี บรรยากาศช่างอบอวลด้วยมวลมิตรภาพและน้ำใจที่ปรารถนาจะกระทำเป็น  พุทธชยันตีบูชา  โดยแท้

         ค่ำแล้วทีมงานต่างแยกย้ายกันกลับ  บางคนก็อยู่เฝ้าของ ฤาษีกับหนึ่งศิลปินก็เดินถ่ายรูปสวยงามยามราตรีไปเข้าซอยหลังกระทรวง ซึ่งเต็มไปด้วยสรรพสินค้าดูจนตาลายเวียนหัว แต่ไม่ได้เอาอะไรสักอย่าง  เห็นก๋วยจั๊บเจ้าสี่แยกน่ารับทานก็เลยสั่งมาคนละชาม   สวาปามเสร็จแล้วกลับเคหาสต์สวัสดีบางกอกของเรา 




         ในรอบหลายสิบปี  ฤาษีไม่เคยย่ำเข้าถนนข้าวสารเลย  จึงคิดว่า ฤาษีมีแต่ปฎิบัติธรรมกรรมฐานธุดงค์ตามป่าตามเขา ณ โอกาสบัดนี้ คงจะเป็นโอกาสวาระที่ดีที่จะได้ปลีกวิเวกไปเดินเจริญสติย่ำราตรีดูแสงสีถนนข้าวสารและรามบุตรี  ปลีกวิเวกในป่าหาข้อสอบไม่มีดูเหมือนจะมีธรรมะ  ลองมาเดินหาสัจจะในป่าคน  ดูว่าจะมีสติพิกลพิการแตกเตลิดหรือไม่ 
                    
                     ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนว่า
                      ป่าไม้หรือจะสู้ป่าคน
        ป่าไม้ถ้าจิตตั้งมั่น
มองพิจารณาข้อธรรมมะใดก็เกิดได้ไว 
ป่าคนมีแต่สังขารปรุงแต่ง
เกิดกิเลสได้ว่องไวเหมือนกัน
       
           เดินพิจารณาเนื้อหนังมังสามนุษย์ไป มีทุกสรรพชาติ ทั้งขาวสะอาด และดำกระด่าง ทุกไซร้ทรวดทรง เห็นแล้วก็ปลงสังขาร สติก็บอกว่าตรงข้างในผ่านผิวหนังไปคงเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ ตับไตไส้พุง อุจจาระ ปัสสาวะ ทุกชาติภาษายากดีมีจน  ขึ้นชื่อว่าคนเท่ากันหมด  ต่างแต่คุณงามความดี ความสามารถและแนวคิดที่ดีในการสร้างบารมีเท่านั้น

     เดินผ่าน ร้านทับทิมบิสโทร มองดูสงบหู สงบตา ผู้คนไม่มาก เป็นร้านอาหารไทยถูกใจฝรั่ง อาหารก็น่าจะอร่อย  บอกพนักงานต้อนรับว่าขอมาเขียนหนังสือสักหน่อย พี่เขาก็ดูงงๆ ว่ามาผิดที่หรือเปล่า มันจะอึกทึกหนวกหูเหมาะกับการมานั่งเขียนหนังสือหรือ  พี่เขาเลยจัดให้นั่งข้างร้านอู่ทองที่มีฝรั่งนั่งอยู่เต็มไปหมด กำลังร้องเพลงคลอตามนักดนตรี ฤาษีก็นั่งเขียน ที่มาที่ไปพร้อมกับฟังเพลงสากลปนน้ำหวานและทอดมันปลาแก้เขินไปจนถึงห้าทุ่มกว่า ร้านปิดพนักงานเช็คบิลดูราคาแล้วแปลกใจ ถูกมาก....จนงงว่าเข้าร้านผิดหรือเปล่า

       ใครไปรับทานที่นี่ ไม่ผิดหวัง
อาหารอร่อย สงบหู บรรยากาศดี ดนตรีข้าง ๆ เร้าใจพนักงานต้อนรับเป็นคนอุดรธานี
อายุประมาณ 40 ปี ผมบางเล็กน้อยแต่พองาม

     เดินลัดซอยจากรามบุตรีจะมาที่ถนนข้าวสาร  ผ่านร้านนวดฝ่าเท้า ไปยืนดูราคาไม่ต้องพูดจา  พนักงานคุณหมอ ดอกเตอร์บีบ มาพูดภาษาอังกฤษปนภาษามือว่า 1 ชั่วโมง 200 บาท เราก็แกล้งอำชี้ไปว่า 2 ชั่วโมง 300 บาท เธอก็บอกว่า No No ตกลงก็เลยนวดเท้า 1  ชั่วโมง  เดินเข้าไปในร้านมีฝรั่งนอนนวดเท้าอยู่ 2 คน หลับตาพริ้มเชียว  ดูจะมีเหื่อมีแฮงน้อ..

     ดอกเตอร์บีบ เป็นคนศรีษะเกษ อายุประมาณ 40 ปี ผิวแหล่ดำตามชนชาติเผ่าพันธ์เล็กน้อย เอาน้ำร้อนพอประมาณใส่กาละมังมี ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาวอีก 1 ฝาน บอกให้ถลกขากางเกงขึ้นแล้วให้เอาเท้าลงแช่น้ำผสมเครื่องต้มยำ ฤาษีเลยแกล้งบอกไปว่า ต้มยำกุ้ง  ดอกเตอร์บีบเลยบอกมาสำเนียงลาวอีสานว่า

     "ฮั่นตี้หละ ฮู้จักฮอดต้มหยำกุ้ง สงสัยมันเป็นคนเกาหลีคักๆ บักอันนี่"
     จากนั้นคุณดอกเตอร์บีบก็พูดภาษาอังกฤษว่า 
     "Are  you Korea ติ? เจ้าเป็นคนเกาหลีติ?" 
     ฤาษีก็แกล้งอำ อมยิ้มไม่พูดจา
     เธอก็ว่า "แม่นคักหมอนี่ต้องเป็นเกาหลี  บัดหน้าตาคือคนไทยแท้หละฮึ  มันบ่แม่นคนไทยตี้นี่" 
     ฤาษีก็ส่ายหัวไม่เข้าใจ...
     เธอก็ว่า"อื่อๆๆ  บ่ฮู้เรื่องน้อ  หมอนี่" แล้วเอากาละมังไปเก็บ

      จากนั้นคุณดอกเตอร์บีบก็บอกให้นอนเอนหลัง เอาขาวางพาดลงบนเก้าอี้ตั่งนุ่ม เอาน้ำมันมาชะโลมลูบไล้แล้วเริ่มขบวนการนวดไปคุยไปด้วยภาษาอังกฤษ  ภาษามือ ปนภาษาลาวอีสานตอนเธอสบถอุทาน 
     "You come Thailand along time แล้วบ่?" ฤาษีก็ทำท่างงๆ เธอก็บอกว่า มาเมืองไทยดนแล้วบ่.. 

     "Thailand 3 day"  ยกมือสามนิ้ว  ไปใสมาแหน่แล้ว.." You Visit? " เธอทำมือทำไม้วนๆ ฤาษีเลยบอกว่า "Very tried not go" เธอเลยว่า ดีแล้วหละเมื่อยกะมาบีบมันจั่งมีเหื่อมีแฮง"

       ถ้อยทีนวดเท้า  ถ้อยที่พูดจาภาษาอังกฤษผสมลาวไทย ใส่ภาษามือภาษาใบ้ไปจนหมด ๑ ชั่วโมง อากาศเย็นจนหนาว  เอาผ้ามาคลุมหน้าอกแล้วนอนหลับไป ตื่นมาหมดเวลาพอดี จ่ายทิปไป ๑๐๐ บาท คุณดอกเตอร์บีบเลยว่า
       "โท่ๆๆ ทิปดีขนาดเลย แบบนี้ให้ You come again tomorrow เด้อ คืนนี้หมานส่งทางก่อนนอนแหล่วบาดนี่  กู้ดไนต์เด้อเวรี่กู้ดไนต์   ทิปแบบพ่อใหญ่นี้  คู่ค้นแหน่แหม๋  หมานซ้ำดึกน้อซีวิตกู"

        โบกมือบ้ายบายใส่เกิบ โอ้ย! รองเท้ารัดส้น ยี่ห้อสะกอร์ ที่เพิ่งถอยมาใหม่ก่อนใส่ไปย่ำใหหลำเสร็จเดินข้ามฟากลัดซอยเข้าไปนอนที่เคหาสถ์สวัสดีบางกอกที่เราเป็นหุ้นส่วนรายวัน 
         
            คืนนี้...ข้าวสารรามบุตรี
                 ราตรีสวัสดิ์เด้อจ้า 


     

1 ความคิดเห็น: