ตั้งแต่โตมาจนแก่ผมหงอก สายตายืดยาว เขียนหนังสือมากว่าสิบเล่ม ยังไม่เคยมีหนังสือเล่มใดที่หาที่เขียนเริ่มต้นหนังสือ ได้แปลกเท่ากับหนังสือเล่มนี้ "กลับบ้านก๋ง"
เรื่องมันเป็นอย่างนี้.....
เมื่อต้นเดือนเมษายน คิดว่าจะเข้ากาลเปลี่ยนผ่านราศีปีใหม่ของไทยเราแล้ว ทำไมไม่หาความดีใส่ตน ประกอบกับวาระกาลมงคลปีนี้เป็นปีแห่งการฉลองตรัสรู้ ๒๖๐๐ ปีของพระพุทธองค์ด้วย ซึ่งเรียกชื่อว่า การฉลองพุทธชยันตี จึงวางแผนชีวิตการปฎิบัติธรรมกรรมฐานด้วยการขึ้นไป ถ้ำวิสุทธิมงคลสกลทวาปี ตั้งใจว่าขึ้นไปปฎิบัติบูชาพระพุทธองค์ ๙ ราตรี ดังในหนังสือ "พุทธชยันตีบูชา" ช่วงเวลาระหว่างวันที่ ๑๓ - ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
ถ้ำวิสุทธิมงคลสกลทวาปี ถ้ำนี้น่าจะเป็นถ้ำในตำนานอุรังคนิทานที่พระพุทธองค์เสด็จประทับ |
สมเด็จพระพุทธศิริ พระประธานสลักนูนต่ำที่ถ้ำวิสุทธิมงคลสกลทวาปี ที่คณะปฎิบัติธรรมกรรมฐานช่วยกันแกะสลักเป็นพุทธชยันตีบูชา ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ |
หลังจากเข้ากรรมฐานเสร็จสิ้นแล้ว ได้เกิดสังหรณ์ใจว่า ผลของการปฎิบัติบูชาคราวครั้งนี้จะทำให้เกิดโชคลาภและบารมีแผ่ขจรขจายไปไกล ให้เกิดเป็นตัวอย่างที่ดีในการปลูกศรัทธาของชาวพุทธอย่างแน่นอน
ใครจะไปคาดคิดเล่าว่า เครือข่ายจิตวิญญาณอาสาของวัดคำประมง ได้แจ้งข่าวมาจาก กทม.ว่า องค์กรชาวพุทธทั้งโลกได้พร้อมใจกันจัดงานฉลอง พุทธชยันตี ทั่วโลกพร้อมกัน ประเทศไทยให้จัดงานที่สนามหลวง ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ รวมเวลา ๗ วัน
ในฐานะจิตวิญญาณอาสารุ่นแรกบุกเบิกของอโรคยศาล วัดคำประมง ฤาษีเอก อมตะ จึงต้องเข้าร่วมประชุมสุมหัวเพื่อออกความคิดเห็นที่ร้านคำหอม กาแฟอร่อยที่สุดในโลก พร้อมกับเหล่าคณะกรรมการ ๒ ครั้ง ครั้งที่สามอยู่ที่อโรคยศาล วัดคำประมง คราวนี้ หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม เป็นประธานสงฆ์ในกรประชุม ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ท่านจรินทร์ จักกะพาก เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
หลวงตาปพนพัชร์ จิรธัมโม เจ้าอาวาสและผู้ก่อตั้ง อโรคยศาล วัดคำประมง |
เพลงที่กลุ่มศิลปินวาดอักษรเขียนขึ้นมามีอยู่ ๔ เพลง ได้แก่ เพลงธรรมะหลวงตา สุดท้ายที่วัดคำประมง จิตวิญญาณอาสา สัจธรรม ส่วนวงเอก อมตะ เขียนเพลงด้วยความรู้สึกเมตตาสงสารผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คือ คุณแตน ชินานันทร์ ศิริสวัสดิ์ คือเพลง แตน ชินานันท์ ส่วนเพลงที่เขียนถวายบูชาพระพุทธองค์ เป็นบทเพลงที่เกิดจากการภาวนา ได้แก่เพลง พุทธชยันตีบูชา
จากวันประชุมครั้งแรกจนถึงวันบันทึกเพลง เรียบเรียงเสียงประสานที่ห้องบันทึกเสียง สะตอ - ผักหวาน เร็คคอร์ด ทีมงานดนตรีบำบัด กลุ่มศิลปินวาดอักษร โดยเฉพาะ คุณผลไม้ หรือ คุณเสรฐวุฒิ วราพุฒ แทบจะไม่ได้หลับได้นอน เนื่องจากต้องเรียบเรียงเสียงประสานจนดึกดื่น เพราะในกาละนี้แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพียงใด กำลังใจที่ต้องการทำเพลงถวายเป็นมหาบุญญาบารมีต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มากมายไหลหลั่งเปี่ยมล้นจนลืมความลำบากทุกข์ยากนั้นเสียสิ้น แม้จะมีพญามารมาผจญก็ไม่ย่อท้อหวั่นไหว
การจัดงานพุทธชยันตีคราวนี้จัดขึ้นที่มลฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานครดังกล่าวมาแล้ว ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ รวมเวลา ๗ วัน การบันทึกเพลงจำนวนพันกว่าแผ่นก็มาเสร็จเอาตอนบ่ายสองโมงของวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินของสายการบินนกแอร์จากสกลนคร ทีมงานทำเพลงพุทธชยันตี ฤาษีเอก อมตะ และ จุ้ย วาดอักษร ก็เหิรฟ้ามา กทม.เวลาบ่ายสามโมงยี่สิบนาทีพอดี
ซ้ายมือ จุ้ย วาดอักษร ขวา ศิลปินเดี่ยว วงเอก อมตะ |
ไม่เรียกว่า บารมีแผ่ขจรขจายไปไกลแล้วจะเรียกว่าอะไร ผู้คนชาวพุทธมาร่วมงานพุทธชยันตีมีมากมายมหาศาล ต้องมีคนได้รับแผ่นซีดีเพลงดนตรีบำบัด ชุด พุทธชยันตี คราวนี้ ต้องไม่น้อยกว่า หนึ่งพันคน ทำเพลงชุดเดียวมีคนได้ฟังทันทีพันคนและเจาะจงแจกในงาน พุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี (คงไม่มีโอกาสทำ พุทธชยันตี ๒๗๐๐ ปี แน่ ๆ ) ไม่เรียกว่า บารมีขจรขจายแล้วจะให้เรียกว่า เกิดมาดัง ก็เกินไป
โปรแกรมเป้าหมายที่ทำให้ฤาษีตัดสินใจเดินทางไปคราวนี้ เพราะมีกำหนดการ "กลับบ้านก๋ง" ที่หมู่บ้านนกเขาเหิร หรือ กะตุ่ยโผสุย (กะตุ่ย แปลว่า นกเขา โผ แปลว่า เหิรบิน สุย แปลว่า บ้าน) หรือ บุ่นสิวโผสุย ( ชื่อเป็นทางการสมัยใหม่) แถมระหว่างเดินทางนั่งเครื่องบิน นั่งรถไฟฟ้า ไปที่เมือง กวางเจา ไหโข่ว เหวินชาง ซานย่า ไปดูหาดทราย สายลม ชมต้นมะพร้าวงาม กราบพระโพธิสัตย์กวนอิมสูงที่สุดในโลก ชิมข้าวมันไก่เหวินชาง .....
..อุ๊แม่เจ้า สวรรค์ทะเลใต้
เป็นจริงที่ไห่หนาน
กำหนดการเดินทางไปไห่หนาน หรือเกาะไหหนำ หรือ ที่คนไทยออกเสียงว่า ไหหลำ (ขอร้อง อย่าผวนคำ) ระหว่างวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕
สรุปว่า มางานพุทธชยันตีบูชา ๒๙ -๓๑ พฤษภาคม ๕๕ ต่อเครื่องบินไปคว้าไข่มุกทะเลใต้มาเชยชม ๓๑ - พฤษภาคม - ๔ มิถุนายน ๕๕ ได้ทั้งบุญบารมีและโชคลาภ ว่างั้นเถอะ ...นี่ละมั้งที่เป็นผลจากการไปปฎิบัติ พุทธชยันตีบูชาพระพุทธองค์ ที่ถ้ำวิสุทธิมงคลสกลทวาปี กลางป่าภูเพ็ก
ที่มาที่ไปของหนังสือ "กลับบ้านก๋ง" จึงมาเริ่มต้นอักษรตัวแรกในสถานที่แปลกประหลาดที่ถนนรามบุตรี ซึ่งถัดไปอีกซอยหนึ่งก็เป็นเมืองหลวงโลกของฝรั่งชาวต่างชาติ ถนนข้าวสาร บางลำภู กทม. บนเก้าอี้และโต๊ะอาหารของร้าน Taptim Bistro เล็กหรูดูดีมีสไตร์ อาหารอร่อยราคาไม่แพง ซึ่งขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ ร้านอาหารอู่ทอง อาหารไทยรสจัด กำลังบรรเลงเพลงสากลเสียงอึกทึกโครมครามหนวกหู และได้อารมณ์สะใจ ถึงแม้จะฟังไม่รู้เรื่อง และมั่วกันไปมาของบรรยากาศสารพัดฝรั่งทั่วโลกที่มาประชุมกันที่บางลำภูแห่งนี้โดยมิได้นัดหมายก็ตาม
สำหรับร้านทับทิมแล้ว ได้ลองสั่งหมูสะเต๊ะมาทดสอบคุณภาพหนึ่งจาน ปรากฎว่าน้ำจิ้มรสจัดจ้านมาก อร่อยจนคิดถึงความหลัง ว่าที่เคยรับทานหมูสะเต๊ะมาไม่อร่อยถึงใจเท่าร้านนี้สักแห่ง ยิ่งถ้าใครชอบกลั้วปากด้วยน้ำอำพันละก็...สะใจขอบอก...
เวลาล่วงเลยมา ๕ ทุ่มพอดี ดนตรีแบบสไตร์ลาตินกำลังเขย่าลูกคอเคล้าเสียงกลองประกอบลีลาชีวิต ของฝรั่งทุกมุมโลก มาปลดปล่อยเปื้องเปลืองอารมณ์กัน ต้องขอเชิญชวนทุกท่านมาปล่อยอารมณ์ฝันไปตามจินตนาการของความเรียงอักษรฤาษี ตามแบบฉบับที่ไม่ค่อยมีใครทำตาม...ได้แล้วบัดนี้
ด้วยความเคารพในทุกท่าน
ฤาษีเอก อมตะ
ร้านทับทิม บิสโทร ถนนรามบุตรี บางลำภู กทม.
เวลา ห้าทุ่มสิบนาที
วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น