วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

บทที่ ๑๔ จากหมู๋บ้านแต๊ต๋ง ทานอาหารเย็นที่ ดั่วซีโผ่

       ตอนเย็นเวลา ๑๗.๓๐ น.หลังจากพูดจากซักไซ้กันพอสมควรและให้ความรักอาลัยในใจแผ่ซ่านกระจายออกมาทางสายตาและการโอบกอดร่ำลากันแล้ว  ต่างก็จำต้องโบกมือลากันด้วยอาลัยอาวรณ์  ถึงแม้จะพูดจากันไม่รู้เรื่อง แต่สายตาที่มองมาต่างก็เปี่ยมล้นด้วยความผูกพันธ์ทางสายเลือด  สาบานว่าจะมาอีกครั้งหนึ่ง
      เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยสารถีของเราก็พาตัดออกมาจากหมู่บ้านแต๊ต๋งออกมาเส้นทางเดิม  ในรถบรรยากาศพูดคุยกันดีมาก  ก๋งอารีย์ ถามว่า ไม่เห็นหลุมศพก๋งหรือ ตอบว่า หาไม่เห็น แต่จะมาใหม่อย่างน้อยก็ขอคารวะหลุมศพต้นตระกูลก็ยังดี  ความจริงก๋ง ตงซิคี คงหาหลุมศพท่านลำบาก เพราะว่า เด ตงเค่งเซ็ง  และ ตงกวงมุ้ย พี่ชายสองคนเอากระดูกใส่หมอนจากเมืองไทไปฝังไว้ที่หมู่บ้านนี้ ผู้คนก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว จะไปค้นคว้าหาหลักฐานก็คงยากเต็มที  แต่ไม่แน่หรอก  ศรัทธาที่มากมายเปี่ยมล้นอาจนำมาซึ่งปาฎิหาริย์ 
      ก่อนจากหมู่บ้านแต๊ต๋ง  ได้นำเอาดินจากหลุมศพของก๋งทวด ตงเย็กกี ในป่าช้าของหมู่บ้านแต๊ต๋งมาด้วย  ๑ ถุง และนำเอาอิฐและกระเบื้องมุงหลังคาบ้านของก๋ง ตงซีคิว  ออกมาด้วย ๑ ถุง  ตงกวงเหยินหาถุงใส่ให้มา  ขอบคุณมากๆ  น้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความซาบซึ้งใจ  ด้วยความรักอาลัยอาวรณ์ที่ได้เห็นหมู่บ้านตระกูล และเห็นหมู่บ้านที่เดเซ็งเคยมาอาศัยอยู่นานหลายปี น้ำตาไหลหลั่งออกมา  ไม่ให้ใครเห็น  สาบานในใจว่า จะกลับมาอีกครั้งหนึ่งให้ได้ในไม่ช้านี้
เวลา ๑๘.๐๐  น.รถเราฝ่าสายลมมาด้วยความเร็วไม่เร่งรีบด้วยกลัวอุบัตเหตุ  ผ่านสะพานเข้าเมืองมาเจอสามแยกเดิมที่หลงทางเมื่อเช้านี้ แล้วขับเข้าไปที่ตัวเมืองเหวินชาง   ในตัวเมืองมองป้ายไหนเห็นแต่ภาษาจีน กับอังกฤษ  ไม่มีภาษาไทยเลย  รถเราก็ฝ่าเข้ากลางเมืองเหวินชางที่การจราจรคับคั่ง แต่จะอย่างไร  อั๊วก็จะปลูกต้นมะพร้าวกับต้นหมากให้ได้  พร้อมขุดร่องทำบ่อน้ำในหน้าฝนริมทาง ทำให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์มาก พอหน้าแล้งมาได้กินปลา  เมืองไทยเราไม่คิดเรื่องแบบนี้  เรื่องง่ายๆ พี่ไทยไม่ชอบ  ชอบยากๆ เข้าไว้         
        

สังเกตดูกลางเมืองเหวินชางมีตึกรามบ้านช่องใหญ่โต  เปรียบซะว่า ประมาณจังหวัดอุดร ขอนแก่น  รถยนต์การจราจรแน่นหนาพอสมควร แต่ไปได้ดี  มีตำรวจเฝ้าอยู่หลายคน  ผ่านศาลเจ้าแซ่ภู่  ที่เรามาเมื่อเช้านี้  เพื่อส่งคณะกรรมการมูลนิธิแซ่ภู่  ขอบอกขอบใจกันอย่างดีใจมาก   ในเมืองนี้มีรถสามล้อเครื่องวิ่งกันเป็นรถเครื่องยนต์  สกลนครยังอนุลักษณ์สามล้อถีบอยู่หลายคัน แต่ค่อยหมดไปบ้างแล้ว  แปลกแต่เขาบังคับให้ใส่หมวกกันน็อค มีผ้าใบกันฝนอยู่รอบคัน อย่าแปลกใจ เพราะที่เกาะไห่หนานแห่งนี้  วันหนึ่งฝนตกหลายครั้ง เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝน


 
 รถเราออกมานอกเหวินชางไม่นานก็ถึงใหญ่ที่ผ่านมาเมื่อเช้า  คือเมืองดั่วสี่โผท้องทุ่งนาที่ผ่านก็มีต้นมะพร้าวปลูกเรียงรายอยู่เต็มไปหมดสองข้างทาง  มีการเลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ  เลี้ยงแบ้  คือกันกับเมืองไทย  ป้ายขนาดใหญ่บอกชื่อเมืองเป็นภาษาจีนกลาง ขึ้นต้นด้วยตัว  ต้า  แต่ใหหลำอ่านว่า ดั่ว

รถบรรทุกคันใหญ่มากขนไม้ยูคาไปทำอะไรไม่รู้ เด็กวัยรุ่นมองดูไม่ออก บอกไม่ได้เลยว่า ต่างกันกับคนไทยตรงไหน ไม่มีเอกลักษณ์เหมือนหนังกำลังภายในที่จินตนาการ  หรือ เรามโนตอนเด็กมากไปหน่อย  ตรงข้ามร้านที่เราจะจอดรถทานอาหารเย็น มีป้ายบอกสถานที่แสดงวัฒนธรรมจีน น่าสนใจ ตรงที่ป้ายไม้ธรรมดา แต่เชิญชวนจิตใจให้ไปชม  คราวหน้าหละกันนะ คราวนี้หิว
 
                            เมืองดั่วสี่โพ  เขียนภาษาจีนด้วยลายมือไกด์ว่า... 
รถก็จอดหน้าร้านโบ๋เซียนเหม่ยอุ้ย นัยว่าเป็นร้านที่โด่งดังมากของที่นี่  มีอาหารที่หลายคนทานแล้วจะติดใจ  แต่ที่เราติดใจไม่ใช่อาหารครับ  แต่ติดใจคำว่า  TSINGTOA หมายถึงเบียร์ที่ผลิตที่เมืองซานตง  ซึ่งหลังจากจอมยุทธทั้งหลาย  โดยเฉพาะก๋งปรีชา เล็กวิจิตรธาดา แซ่เล็ก  จอมยุทธฤาษี แซ่ตง  สองจอมยุทธตำจอกกันไปหลายจอกแล้ว  ต่างก็ไม่เรียกเบียร์  แต่เรียก ซิ่งเต่าแทน  ซึ่งสาวจีน  กุมารี จีน ในร้าน เจ็กดั้งแหมบ ทุกคนก็เข้าใจดี
ความจริงแล้ว เบียร์ของมณฑลใหหลำ ยี่ห้อ เซยี่ยวควา (จีนกลาง) หรือ Snow Beer  แปลว่า เบียร์หิมะ เย็นจัดว่างั้นเถอะ 
 
ร้านโบ๋เซียนเหม่ยอุ้ย
 

เบียร์ซิ่งเต่า
การจะรับทานอาหารจีนให้อร่อยต้องรู้ภาษาจีนด้วยถึงจะดี  สายตาหันไปเจอควายกินหญ้าอยู่  ถามดู ควาย จีนเรียก ส่วยนิ๋ว   แพะ เรียกว่า ขวางนิ๋ว เนื้อ ว่า โย่ว  
เบียร์หิมะ เซยี่ยวควา


       ก่อนจะทานทุกอย่าง  อี่นางน้อย จะเอากระแป๋งน้ำร้อนมาวางตรงหน้าโต๊ะ เอาคีมมาจับช้อน ถ้วย จานรองลงแช่น้ำร้อน  แล้วเอาขึ้นมาวางให้เราทีละชุด  หน้าตาเธอก็คงอยากยิ้มแหละ  แต่พูดไม่รู้เรื่องกัน
        อี่นางน้อยเด็กเสริฟเอาตะเกียบมา  เรียกว่า ไขว้  (ไม่ไขว้ไม่ได้คีบ) แต่ไหหลำเรียกตะเกียบว่า ดู๋  ถั่ว เรียกว่า ควาซอง...อาหารช้า บอกว่า  โต้  แปลว่า กำลัง  
       เครื่องปรุงน้ำจิ้มสุกี้ ว่า เห่าซือ  หมายถึง ความอร่อย แซบนัว ประกอบด้วยกระเทียม  พริก  มะนาว เต้าเจี้ยว  ผักชี  ไม่มีมะนาว  แต่มีส้มจี้ดลูกเล็กแทน
        


        สำหรับอาหารวันนี้มีสุกี้แพะ เนื้อเอาะๆ  เลือดแพะ ผักฉินไช่ผัดเส้น  ห่านตุ๋น  ขอบอกว่าสุกี้เนื้อแพะ อร่อยมาก แพะเป็นเนื้อแพะอนุบาล  แต่ห่านโคตรเหนียว เป็นห่านชรา บ่แซบ แม้น้ำซุปจะอร่อยดี  น่าเสียดายมาก  เรื่องอาหารไม่เท่าไหร่ ทานเนื้อแพะรู้สึกร้อนเหงื่อแตกพลัก  หากเบียร์ทั้ง ซิ่งเต่าและ เซี่ยวควา อันนี้ขาดไม่ได้  แม้รสชาติจะจืดกว่าเบียร์ในไทย ปานนั้นล่อไปหลายขวด หน้าตาแดงก่ำเกือบเล่นงิ้ว แต่ที่ขายหน้าคือ ถามหากระดาษเช็ดปาก  จอมยุทธปรีชาหยิบซองแดงมาให้ อ้าวนึกว่า การ์ดงานแต่งงาน  หัวเราะกันสนุกสนานสำราญใจ  ได้ยินเสียงเพลงจอมยุทธเดชคัมภีร์เทวดา  เย้ยยุทธจักร  ดังก้องมาในมโนทวาร ทั้งภาคชายหญิงร้อง  และภาคมีคำแปลภาษาไทย  เชิญฟังเอาเองเถิด ได้ความหมาย อรรถรสแห่งจิตวิญญาณดีนักแล
 


 
    สำหรับห่านตุ๋น คุณประสาทแอบไปถ่ายรูปมาเห็นรูปแล้ว
บ่อยากแซบเลย  ดูเอาเองหละกัน ไม่บรรยาย
 แต่ จอมยุทธทั้งสองไม่สนใจใดๆ 
สนใจแต่  อี่นางน้อย  ซิ่งเต่า ๆ ๆ ๆ  ฮาฮาฮา...ซร้วบ
 
    หลังจากตำจอกกันจนจอมยุทธทั้งสองเริ่มได้ที่แล้ว  ก่อนที่จะปล่อยพลังแสงเฮ้ากวง  เราก็ถึงเวลากลับโรงแรมที่พัก เมื่อเวลา ๓ ทุ่ม ร่ำลาอีนางน้อยเจ็กดั้งแหมบแล้วมาถึงโรงแรมก้ำหยวนที่พักเก็บของไว้แล้วเดินไปห้างเพื่อหาซื้อแป้งกับน้ำมันมะพร้าวทาตัว  เดินส่งภาษาใบ้ไปทั้งห้างกว่าจะเข้าใจกันเรื่องแป้งฝุ่นสนุกสนานมาก ทั้งเจ็กโค้กทั้งไหหลำสาวๆ เยอะมาแจมสนุกดีมาก  จากนั้นไปเดินตลาดกลางคืน  ตลาดผักเมื่อเช้ากลายเป็นตลาดอาหารกลางคืน  ทั้งเสื้อผ้า ของฝาก ถนนคนเดินกิน ดื่มเที่ยว สนุกสนานมาก ราคาก็ถูกไม่แพงอย่างที่คิด ตอนกลับได้เบียร์มาเมืองไทย ๔ กระป๋อง...
จากแป้งกลายเป็นเบียร์  เพราะซิ่งเต่านี้แหละ.....คืนนี้เห็นจะนอนหลับฝันดีมากมาย....
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น